เรียนรู้วิธีขับรถออฟโรด 4x4 การใช้เกียร์โฟวิล และเรื่องอื่นๆ กับยาง BFGOODRICH
เรียนรู้วิธีขับรถออฟโรด 4x4 การใช้เกียร์โฟวิล และเรื่องอื่นๆ กับยาง BFGOODRICH
หากคุณเป็นคนที่มีความคิดว่าอยากจะพารถกระบะหรือเอสยูวี 4x4 คันใหม่ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ออกเดินทางลุยป่าหรือไปยังสถานที่ทุรกันดารเหมือนกับนักขับมือโปรคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้มั่นใจว่าจะสามารถขับรถโฟวิลคันโปรดฝ่าอุปสรรคเพื่อไปถึงยังจุดหมายปลายทางได้หรือไม่ วันนี้ BFGoodrich จะพาคุณไปทำความเข้าใจวิธีขับรถออฟโรดที่สามารถทำตามได้ไม่ยากเอง
วิธีการขับขี่รถออฟโรดหรือรถโฟวิลขั้นพื้นฐานที่คุณควรรู้
หากคุณไม่ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในการขับรถออฟโรดหรือรถโฟวิล 4x4 อย่างแท้จริง ก็อาจมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือพบกับปัญหาที่ยากต่อการแก้ไขระหว่างการลุยป่าที่กำลังสนุกสนานอยู่ได้ เพราะคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสภาพเส้นทางหรือภูมิอากาศที่กำลังจะเจอนั้นเป็นแบบไหน
เราจึงอยากพาคุณมาเริ่มต้นกันด้วยการทำความเข้าใจว่า วิธีการขับรถออฟโรดหรือรถโฟวิล 4x4 ขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องมีพื้นฐานความเข้าใจในเรื่องใดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางออฟโรดในประเทศไทยที่มีความหลากหลายอย่างมาก ตั้งแต่ ป่าดิบชื้นที่มีดินโคลน เต็มไปด้วยก้อนหินสูงชัน หรือเส้นทางเนินทรายที่ต้องอาศัยการใช้เกียร์โฟวิล ทั้งตำแหน่ง 4H และ 4L ที่ถูกต้อง
BFGoodrich ในฐานะที่เราเป็นผู้ผลิตยาง A/T และยาง M/T ชั้นนำของโลก ที่ออกแบบยางออฟโรดซึ่งอัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีที่สั่งสมมาจากประสบการณ์ในสนามแข่ง เช่น SCORE Baja 1000 มากกว่า 20 ครั้ง และการแข่งขัน SCORE Desert Race มากกว่า 70 ครั้ง เหล่านี้คือสิ่งที่ยืนยันว่าคุณจะได้ใช้ยางที่เหมาะสำหรับรถกระบะและเอสยูวีขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ 4x4 อย่างแน่นอน
วิธีขับรถโฟวิลหรือออฟโรด 4x4 บนทราย
ชายหาดและทะเลของไทยได้ชื่อว่างดงามไม่แพ้ที่ใดในโลก นั่นทำให้ชาวออฟโรดหลายคนห้ามใจไม่ได้ที่จะนำรถกระบะและเอสยูวีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 หรือรถโฟวิลคันเก่งของตัวเองขับลงไปบนพื้นทรายตรงหน้า ซึ่งมีหลายครั้งที่ไม่สามารถนำรถกลับขึ้นมาบนฝั่งได้ เนื่องจากขาดประสบการณ์รวมถึงไม่ทราบวิธีขับรถบนทางทรายที่ถูกวิธี
เพื่อให้คุณขับรถบนพื้นทรายได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย เราจะอธิบายวิธีขับรถโฟวิลที่มือใหม่ก็ทำตามได้ดังนี้
- รักษาความเร็วให้สม่ำเสมอ: ให้คุณใช้ความเร็วอย่างสม่ำเสมอระหว่างการขับขี่บนพื้นทรายที่อ่อนนุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้ยางจมลงไปในทราย แต่ก็ไม่ควรจะเร่งมากเกินไปจนทำให้ล้อหมุนฟรี เนื่องจากจะทำให้ยาหมุนและขุดลงไปในทรายลึกมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
- ไม่เลี้ยวอย่างรุนแรง: หลีกเลี่ยงการเคลื่อนที่อย่างรุนแรงหรือฉับพลัน รวมถึงการเลี้ยววงแคบมากเกินไป เพราะมีโอกาสสูงมากที่รถจะเลี้ยวไม่เข้า ที่เราเรียกอาการนี้ว่า understeer หรือรถหน้าดื้อโค้ง โดยรถจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าบนพื้นทราย แทนที่จะเลี้ยวไปตามการหมุนพวงมาลัยของคุณ
- เผื่อระยะเลี้ยวและเลี้ยวอย่างนุ่มนวล: ปกติแล้วรถกระบะหรือเอสยูวี 4WD มีแนวโน้มที่จะพลิกคว่ำได้ง่ายเนื่องจากจุดศูนย์ถ่วงสูงและยาง A/T หรือ M/T ที่ใช้อาจจมลงไปในทรายได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเวลาที่คุณเลี้ยวก็ควรตีวงให้กว้างกว่าปกติ พร้อมทั้งเผื่อเวลาให้มากขึ้นก่อนจะถึงโค้งหรือสิ่งกีดขวาง หากคุณต้องการเปิดเส้นทางใหม่ ก็จะต้องเร่งเครื่องให้มากขึ้นเพื่อให้ไม่ติดกับอุปสรรค
- ลดแรงดันลมยาง: เพื่อให้ยางออฟโรดของคุณมีหน้าสัมผัสกับพื้นทราย เพื่อการเกาะตะกุยที่เพิ่มขึ้น และลดโอกาสที่จะจมลงไปในทรายให้น้อยลง คุณจะต้องลดแรงดันลมยางครั้งละ 5 PSI จนกระทั่งรอยยางพื้นทรายมีหน้าตัดที่ดูเหมาะสมกับสภาพทาง แต่จำไว้เสมอว่าอย่าลดแรงดันจนเหลือต่ำกว่า 20 PSI เพราะมีโอกาสที่ยางจะเสียรูปทรงหรือเกิดระเบิดได้
- มีอุปกรณ์ออฟโรดติดรถไว้เสมอ: ถ้ารู้ว่าจะต้องนำรถไปลุยในทางทรายหรือชายหาด คุณก็ควรเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อช่วยนำพารถและคุณออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไม้หรือแผ่นสำหรับรองใต้ล้อรถเวลาติดหล่มทราย, ที่วัดความดันลมยาง, เครื่องสูบลมติดรถ, พลั่วหรืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับตักและขุดทราย
เคล็ดลับการขับรถโฟวิล 4x4 บนเส้นทางทรายสไตล์ออฟโรด
- ตรวจสอบเวลาน้ำขึ้นน้ำลงและขับรถในช่วงน้ำลงหากคุณต้องการขับรถบนชายหาดได้อย่างสนุกสนานและกลับขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย
- การรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณบนพื้นทราย
- ใช้เครื่องวัดลมยางที่เหมาะสมและอย่าคาดเดาว่าแรงดันลมยางนั้นเหมาะสมด้วยตาเปล่าเด็ดขาด
- ลดระดับแรงดันลมยางของคุณให้ต่ำลง และดูว่าหน้ายางมีพื้นที่สัมผัสกับพื้นทรายมากพอ
- ปล่อยลมยางออกครั้งละ 5PSI เพื่อเพิ่มรอยของยางจนกว่าจะได้แรงฉุดลากที่เหมาะสม
- เร่งความเร็ว เลี้ยว และเบรกด้วยความนิ่มนวล พร้อมกะระยะล่วงหน้าให้เลี้ยวได้อย่างเหมาะสม
- หากล้อของคุณเริ่มหมุนฟรี ให้ลดการเร่งความเร็วลงเล็กน้อยเพื่อให้ล้อหมุนช้าลง เพื่อที่จะได้แรงฉุดลากกลับคืนมา
- อย่าขับตามรถคันอื่นใกล้เกินไป เว้นระยะห่างไว้เผื่อในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด
- ถ้าไม่มีเครื่องสูบลม เวลาขับรถกลับบ้านจะต้องค่อยๆ ใช้ความเร็วต่ำหรือไม่เกิน 25 กม./ชม. เพื่อป้องกันไม่ให้ยางร้อนจนเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางมีโอกาสระเบิดได้ง่ายขึ้น
วิธีขับรถกระบะและเอสยูวี 4x4 ขึ้นเขาและการใช้เกียร์โฟวิล
การขับรถขึ้นเขาและภูมิประเทศสูงชันเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นและอันตรายที่สุดที่คุณสามารถทำได้ในรถโฟวิลขับเคลื่อนสี่ล้อ มันเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นและยังเสี่ยงสูงมากที่รถของคุณจะพลิกคว่ำลงมาระหว่างการปีนทางชันหรือก้อนหินที่เป็นอุปสรรค และต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทำทุกครั้งเมื่อต้องขับรถขึ้นเขา
- ตรวจดูสภาพเส้นทางก่อนทุกครั้งก่อนขึ้นเขา: ก่อนที่คุณจะสตาร์ตเครื่องยนต์และขับรถโฟวิลที่ใส่ยาง A/T หรือ M/T ของ BFGoodrich พุ่งขึ้นไปบนเนินเขา คุณควรลงจากรถและเดินขึ้นไปตรวจสอบเส้นทางข้างหน้าสักหน่อย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างทาง รวมถึงดูแนวเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการพารถขึ้นไปยังจุดถัดไป
- ใช้เกียร์โฟวิลให้เหมาะสมกับสภาพทาง: ก่อนอื่นจำไว้ว่าหากคุณใช้เกียร์ต่ำเกินไปล้อก็มีโอกาสหมุนฟรี แต่หากใช้เกียร์สูงเกินไปก็จะสูญเสียกำลังในการปีนไต่ เราจึงแนะนำให้คุณเริ่มต้นด้วยการใช้เกียร์ 2 พร้อมปรับเกียร์โฟวิลไปที่ตำแหน่ง 4L ที่มีอัตราทดต่ำและใช้ระยะทางสั้นๆ เพื่อให้รถของคุณมีแรงส่งและแรงตะกุยมากที่สุด
- ใช้ความเร็วต่ำหรือ walking speed พารถขึ้นไป: การพารถโฟวิลคู่ใจขึ้นไปบนเขาได้อย่างปลอดภัยที่สุด ทำได้ด้วยการใช้ walking speed ให้รถค่อยๆ ไต่ระดับอย่างสม่ำเสมอ โดยการใช้เกียร์ต่ำ เช่น เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 พร้อมกับเปลี่ยนเกียร์โฟวิลไปที่ตำแหน่ง 4L จากนั้นค่อยๆ เดินคันเร่งให้รถวิ่งไปอย่างนุ่มนวลที่สุด หากรู้สึกว่าทางมีความชันและต้องใช้กำลังมากขึ้น ก็ให้เติมคันเร่งเข้าไปอีกเล็กน้อย และหลีกเลี่ยงการกันคันเร่งมากเกินไป เนื่องจากจะทำให้ล้อหมุนฟรีจนเสียแรงส่ง
- อย่าเปลี่ยนเกียร์หรือทิศทางระหว่างปีนเนิน: สิ่งที่ไม่ควรทำมากที่สุดระหว่างขับรถปีนเนินก็คือการเปลี่ยนลงต่ำเมื่อรู้สึกว่ารถเริ่มไม่มีแรงไต่ทางชัน เพราะมีโอกาสที่ล้อจะหมุนฟรีจนเสียแรงส่งและการยึดเกาะกับพื้น แทนที่จะปีนเนินขึ้นไปได้เรื่อยๆ นอกจากนี้ อย่าเปลี่ยนทิศทางกะทันหันเมื่อรถกำลังไต่ขึ้นเนิน เพราะยางจะสูญเสียแรงยึดเกาะและไม่สามารถหักเลี้ยวไปตามทิศทางที่คุณหมุนพวงมาลัยไปอีกต่างหาก ซึ่งก่อให้เกิดสถานการณ์ที่อันตรายตามมาได้
- ปรับแรงดันลมยางให้เหมาะสม: ในการพิชิตยอดเขา คุณจะต้องใช้แรงฉุดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยคุณต้องลดแรงดันลมยางลงก่อนที่จะปีนขึ้นไป สำหรับค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับแต่ละภูมิประเทศนั้นไม่ได้มีกำหนดไว้ตายตัว แต่ให้ดูตามสภาพเส้นทางเป็นหลัก เช่น มีทรายเยอะไหม หรือเป็นดินโคลน ดังนั้นคุณควรระมัดระวังในการปล่อยลมยางจะดีที่สุด
3 เคล็ดลับการขับรถโฟวิล 4x4 ขึ้นเขาและการใช้เกียร์โฟวิล
- เวลาที่ต้องพิชิตเนินใดๆ ก็ตาม ให้คุณขับเข้าหาเนินเขาตรงๆ เพื่อให้มีการกระจายน้ำหนักเท่าๆ กัน ซึ่งจะช่วยให้ยางทั้งสี่เส้นยึดเกาะและส่งกำลังไปยังพื้นได้เท่าๆ กัน
- ใช้เกียร์สูงสุดที่รถสามารถขับได้อย่างสบายบนเนิน ถ้าใช้เกียร์ต่ำเกินไป ล้อจะมีโอกาสหมุนฟรี แต่หากใช้เกียร์สูงเกินไป กำลังของเครื่องยนต์อาจไม่พอพารถของคุณขึ้นเนินนั้นไปได้
- เตรียมพร้อมสำหรับความล้มเหลวและเตรียมแผนในการถอย จะทำอย่างไรหากคุณทำไม่สำเร็จ ไม่ต้องเสียใจหากคุณไม่สามารถปีนขึ้นได้ในครั้งแรก สิ่งนี้เกิดขึ้นได้กับทั้งนักขับมือใหม่และมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือคุณจะต้องรู้วิธีการถอยลงมาอย่างปลอดภัย มันอาจฟังดูไม่ยาก แต่ที่จริงแล้วมันเต็มไปด้วยอันตรายมากกว่าที่คุณคิด
วิธีรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินบนทางลาดชัน
การขับรถปีนเนินหรือไต่เขานั้นอันตรายหากทำไม่ถูกวิธี หากคุณสูญเสียการควบคุมจนรถเริ่มไหลถอยหลังลงไปตามทางลาดชันที่ขึ้นมา คุณอาจเผลอไปเหยียบคลัตช์เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ ซึ่งคุณห้ามทำแบบนี้โดยเด็ดขาด เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงฉุดลากที่มาจากเครื่องยนต์ และรถของคุณจะเริ่มไหลลงไปด้านล่างเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก
อีกกรณีก็คือเมื่อคุณรู้สึกว่ารถเริ่มไหลลงไปข้างหลัง จึงทำการเหยียบเบรกเพื่อหยุดการไหลลงเนิน แต่การทำสิ่งนั้นบนทางลาดชันไม่ได้ช่วยให้รถหยุดไหลลงแต่อย่างใด เพราะน้ำหนักและโมเมนตัมของรถจะพาไหลลงไปเอง รวมถึงการที่ล้อถูกเบรกจับไว้ให้หมุน คุณจะไม่สามารถบังคับทิศทางรถได้อีกต่างหาก
เพื่อให้คุณนำพาตัวเองและรถกระบะหรือเอสยูวี 4x4 คู่ใจออกจากสถานการณ์ที่แสนอันตรายให้ได้ เราจะมาแนะนำวิธีที่คุณควรทำเมื่อรถเริ่มไหลลงเนิน
เคล็ดลับการเอาตัวรอดเมื่อเครื่องยนต์ดับหรือรถไหลลงเนิน (รถเกียร์ธรรมดา)
- อย่าแตะคลัตช์ เพราะมันยากกว่าที่คุณคิด
- ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังจะดับ ให้ค่อยๆ เหยียบเบรกอย่างช้าๆ ให้นุ่มนวลที่สุด
- ดึงเบรกมือขึ้น ตอนนี้คุณมีสามสิ่งที่ป้องกันไม่ให้คุณไหลถอยหลังลง นั่นคือเกียร์ที่ยังเข้าอยู่ เบรกที่เท้าของคุณกำลังกดอยู่ และเบรกมือที่ถูกใช้งาน
- หากมีใครที่สามารถออกจากรถเพื่อบอกทางให้คุณได้จะดีมาก แต่คุณยังต้องอยู่ในรถเพื่อประคองทิศทางและเหยียบเบรกไปพร้อมกัน
- ใช้เท้าเหยียบคลัตช์เบาๆ
- เปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ถอยหลังและใช้เกียร์โฟวิลตำแหน่ง 4L
- ค่อยๆ ปล่อยเท้าของคุณออกจากคลัตช์
- ในขณะที่เท้าของคุณยังคงเหยียบเบรกอยู่ให้ค่อยๆ ปล่อยเบรกมือ
- ค่อยๆ ปล่อยเบรกเท้าช้าๆ อย่างระมัดระวัง
- เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังและเครื่องยนต์ดับอยู่ รถของคุณควรจะยังอยู่นิ่ง
- สตาร์ตเครื่องยนต์อีกครั้งโดยปล่อยคลัตช์เพื่อให้ engine brake จากเครื่องยนต์ช่วยควบคุมการลงเนิน ซึ่งตอนนี้รถของคุณจะกำลังถอยลง ซึ่งคุณไม่ต้องแตะคันเร่งหรือเบรก
- หากเนินเขาสูงชันมาก คุณอาจต้องเหยียบเบรกเบาๆ แต่ก็อาจทำให้ล้อล็อกและลื่นไถล เมื่อคุณกลับไปที่ด้านล่างได้อย่างปลอดภัยแล้ว คุณสามารถขึ้นเนินไปได้อีกครั้งแต่ควรใช้วิธีที่ต่างจากเดิม เพราะถ้ามันไม่ได้ผลในครั้งแรก ครั้งต่อไปก็คงไม่ได้ผลเช่นกัน ดังนั้นลองเปลี่ยนเส้นทางใหม่ ปรับระดับแรงดันลมยางของคุณ หรือนำอุปกรณ์บางอย่างขึ้นเขาด้วยการเดินเท้าแทน
เคล็ดลับการเอาตัวรอดเมื่อเครื่องยนต์ดับหรือรถไหลลงเนิน (รถเกียร์อัตโนมัติ)
- ใช้เท้าเหยียบเบรก
- ดึงเบรกมือ
- หากเครื่องยนต์ดับไปแล้ว ให้เลื่อนเกียร์ไปที่เกียร์จอด (P) ตอนนี้คุณมีสามสิ่งที่ป้องกันไม่ให้คุณไหลลงไป นั่นคือ เกียร์ของคุณยังอยู่ในตำแหน่ง P เบรกเท้า และเบรกมือ
- หากมีใครที่สามารถออกจากรถเพื่อบอกทางให้คุณได้จะดีมาก แต่คุณยังต้องอยู่ในรถเพื่อประคองทิศทางและเหยียบเบรกไปพร้อมกัน
- หากเครื่องยนต์ดับไปแล้ว คุณจะต้องสตาร์ตขึ้นมาใหม่
- เปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ว่าง (N)
- ใช้เกียร์โฟวิลในตำแหน่ง 4L
- เปลี่ยนไปใช้เกียร์ถอยหลัง (R)
- ในขณะที่ยังเหยียบเบรกเท้าอยู่ ให้คุณปล่อยเบรกมืออย่างระมัดระวัง
- ค่อยๆ ถอนเบรกเท้าเพื่อให้รถไหลลง
- ตอนนี้รถจะกำลังถอยลง ต้องพยายามไม่แตะคันเร่งหรือเบรก หากเนินเขาสูงชัน คุณอาจต้องเหยียบเบรกเบาๆ แต่ก็อาจทำให้ล้อล็อกและลื่นไถล เมื่อคุณกลับไปที่ด้านล่างได้อย่างปลอดภัยแล้ว คุณสามารถขึ้นเนินไปได้อีกครั้งแต่ควรใช้วิธีที่ต่างจากเดิม เพราะถ้ามันไม่ได้ผลในครั้งแรก ครั้งต่อไปก็คงไม่ได้ผลเช่นกัน ดังนั้นลองเปลี่ยนเส้นทางใหม่ ปรับระดับแรงดันลมยางของคุณ หรือนำอุปกรณ์บางอย่างขึ้นเขาด้วยการเดินเท้าแทน
เคล็ดลับการขับรถกระบะและเอสยูวี 4WD ลงทางชันอย่างปลอดภัย
- ตรวจสอบเส้นทางและลองเดินลงไปดูด้วยตัวเองก่อน หากคุณไม่สามารถเดินลงไปตามทางนั้นได้ ก็แปลว่าคุณอาจไม่สามารถขับลงไปได้เช่นกัน
- มีโอกาสสูงมากที่คุณจะควบคุมรถไม่อยู่หรือเจอทางที่ชันเกินไป ดังนั้นคุณจะต้องมีแผนสำรองก่อนที่จะขับลงเสมอ ซึ่งคุณอาจจะต้องขับถอยหลังขึ้นทางชันที่เพิ่งขับลงมา ดังนั้นทุกครั้งที่ต้องเลือกเส้นทางก็ควรทำอย่างระมัดระวัง
- แรงดันลมยางที่เหมาะสม เช่นเดียวกับการขึ้นเนิน คุณจะต้องใช้การยึดเกาะให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่มีค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสม เนื่องจากแรงดันที่แตกต่างกันจะใช้ได้กับภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ดังนั้นทุกครั้งที่คุณปล่อยลมออกควรทำอย่างระมัดระวังเสมอ
- เลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้รถของคุณ โดยปกติแล้วเส้นทางที่มีอยู่ซึ่งคนอื่นเคยใช้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
- ใช้เกียร์ 4L เพื่อฉุดให้รถแล่นลงเนินอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอ
- ใช้เกียร์ต่ำสม่ำเสมอ เพราะการใช้เกียร์ 4L รวมกับเกียร์หนึ่งจะทำให้ได้ engine brake จากเครื่องยนต์มากเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้คุณควบคุมรถและขับลงเนินเขาได้ง่ายยิ่งขึ้น
- หากประเมินเส้นทางแล้วคิดว่าไม่สามารถขับลงไปได้อย่างปลอดภัย คุณจะต้องหยุดรถในจุดที่ปลอดภัยแล้วหาทางถอยหลังกลับจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
วิธีเอาตัวรอดเมื่อมีปัญหาระหว่างการขับรถลงทางชัน
- ลงน้ำหนักที่เบรกเท้าอย่างนุ่มนวล อย่าเหยียบเบรกแรงเพราะจะทำให้ล้อล็อกและเสียการควบคุมรถ
- เมื่อรถหยุดดีแล้ว ให้คุณดึงเบรกมือแล้วเข้าเกียร์ถอยหลัง
- ถอยหลังกลับทางเดิมที่คุณลงมา
วิธีขับรถออฟโรดและการใช้เกียร์โฟวิลในทางโคลนและร่องลึก
การลุยเส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลนก็เหมือนกับสนามเด็กเล่นของคนชอบเล่นรถกระบะและเอสยูวี 4x4 แต่การจะลุยโคลนฝ่าไปให้ถึงจุดหมายต่อไปได้นั้น จะต้องทำอย่างถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ยากต่อการแก้ไข เช่น รถติดหล่มโคลน หรือพลิกคว่ำเพราะรถปีนเนินดินข้างๆ และยังทำให้รถของคุณเลอะโคลนมากกว่าปกติอีกด้วย
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณพารถโฟวิลคันเก่งลุยโคลนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือการใช้ยางลุยโคลน หรือ BFGoodrich All-Terrain T/A® KO2 ยาง A/T และ BFGoodrich Mud-Terrain T/A® KM3 ยาง M/T ที่มีคุณภาพและอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เนื่องจากต้องให้น้ำหนักตัวรถกดลงผ่านยางไปสู่พื้นที่เต็มไปด้วยโคลน เพื่อที่จะยึดเกาะกับพื้นดินที่มั่นคงด้านล่างและตะกุยพารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ แรงดันลมยางก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งของการลุยโคลน จำไว้ว่าถ้าลมยางต่ำเกินไป จะเป็นการกระจายน้ำหนักของรถมากเกินไปและจะทำให้ส่งผ่านแรงฉุดลากที่มาจากเครื่องยนต์ไปยังล้อได้น้อยลง แต่ถ้าลมยางสูงเกินไป พื้นที่หน้ายางที่ต้องตัดผ่านโคลนก็จะลดลง ทำให้ประสิทธิภาพในการตะกุยน้อยลงนั่นเอง กฎทั่วไปคือไม่ต่ำกว่า 20PSI และขับไม่เกิน 20 กม./ชม.
6 เคล็ดลับการขับเอสยูวี 4WD และกระบะขับสี่ลุยโคลน
- เตรียมเครื่องกว้าน (วินซ์) ให้พร้อมใช้ในกรณีที่คุณติดหล่มโคลน
- ตรวจสอบเส้นทางก่อนทุกครั้งและดูให้แน่ใจว่าโคลนลึกแค่ไหน เพราะร่องที่ลึกกว่าความสูงใต้เพลารถของคุณจะทำให้คุณติดหล่มได้ง่ายๆ
- ขับเข้าหาทางโคลนด้วยเกียร์ 4WD และเกียร์ต่ำ และอย่าลืมเร่งความเร็วเพื่อเพิ่มแรงส่งให้รถมากกว่าปกติสักหน่อย รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับการชะลอความเร็วลงอย่างฉับพลันเมื่อรถลงไปเจอน้ำและโคลนที่อยู่ด้านล่าง
- ควบคุมความเร็วที่ใช้อย่างสม่ำเสมอตลอดเส้นทาง และถ้าเป็นไปได้ก็ให้ขับอยู่บนทางที่ตื้นที่สุด
- หากรถคุณเกิดติดหล่ม ก็ให้โยกรถด้วยการสลับไปมาระหว่างเกียร์หนึ่งและเกียร์ถอยหลังเบาๆ หรือหมุนล้อด้วยการหักพวงมาลัยไปซ้ายและขวาสลับไปมา เพื่อสลัดโคลนที่เกาะอยู่ที่ดอกยางให้หลุดไป และจะได้ความสามารถในการเกาะตะกุยยางกลับคืนมา
- หากไม่แน่ใจว่าจะสามารถขับผ่านไปได้หรือเปล่า ก็ให้ถอยกลับมาก่อนที่จะสายเกินไป
การปีนไปบนก้อนหิน ท่อนไม้ คันดิน และเนินดิน
- ขับรถเข้าหาสิ่งกีดขวางในมุมเอียงเพื่อให้ปีนเพียงล้อเดียวเท่านั้น โดยปล่อยให้อีกสามล้ออยู่บนพื้นแข็งและมั่นคงเพื่อให้มีแรงฉุดลากและเกาะตะกุยไปข้างหน้า
- เพื่อปกป้องชิ้นส่วนที่บอบบางด้านล่างของรถ คุณควรขับรถข้ามสิ่งกีดขวางด้วยการให้ล้อหนึ่งล้ออยู่บนสิ่งกีดขวางแล้วค่อยๆ ขับรถข้ามไป และเลี่ยงการขับค่อมสิ่งกีดขวางจะปลอดภัยที่สุด
*หมายเหตุ: หากสิ่งกีดขวางนั้นมีขนาดใหญ่เกินไปอาจทำให้ล้อรถลอยสูงกว่าปกติ ซึ่งหมายความว่าล้อที่อยู่ตรงข้ามในแนวทแยงมุมจะลอยขึ้นจากพื้น และทำให้รถไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้
เคล็ดลับการขับรถโฟวิลข้ามน้ำ
รถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือเอสยูวีที่มาพร้อมระบบ 4WD สามารถลุยน้ำได้บ่อยครั้งเท่าที่คุณต้องการ โดยมีบางคันสามารถลุยน้ำได้ลึกกว่ารถโฟวิลคันอื่นเนื่องจากการติดตั้งท่อหายใจ หรือที่เรียกว่าสน็อกเกิลรถยนต์ แต่การจะขับรถผ่านไปได้หรือไม่นั้น ก็ยังขึ้นอยู่กับทางน้ำที่คุณกำลังจะข้ามไป รวมถึงกระแสและการไหลของน้ำด้วย
สิ่งที่คุณควรจำไว้ให้ขึ้นใจก็คือไม่ขับผ่านน้ำอย่างรวดเร็ว แต่ต้องรักษาความเร็วให้คงที่เพื่อสร้างคลื่นน้ำที่ด้านหน้ารถเพื่อแหวกกระแสน้ำ และช่วยไม่ให้น้ำไหลเข้ากรองอากาศจนเครื่องยนต์ดับและเสียหายตามมา เมื่อคุณข้ามน้ำมาได้แล้ว ให้ใช้เท้าของคุณเหยียบเบรกไว้เล็กน้อยเพื่อทำให้เบรกหายชื้นและฟื้นฟูประสิทธิภาพในการเบรก