หาซื้อได้จากที่ไหน?

แก้มยางรถยนต์คืออะไร อยู่ตรงไหน และมีความสำคัญอย่างไร

หากคุณเป็นหนึ่งคนที่สงสัยว่าแก้มยางรถยนต์ หรือตัวเลขที่อยู่บนยางคืออะไร รวมถึงมีความสำคัญอย่างไรกับการขับขี่รถออฟโรด รถเก๋ง รถกระบะ หรือรถเอสยูวีคันโปรดของคุณไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ตลอดจนถ้าเกิดเหตุการณ์แก้มยางฉีกขาดขึ้นมาจะต้องทำอย่างไร วันนี้ BFGOODRICH พร้อมพาคุณไปทำความใจถึงเรื่องต่างๆ เหล่านี้เอง

แก้มยางรถยนต์คืออะไร มีสิ่งใดที่เจ้าของรถควรรู้ไว้บ้าง

แก้มยางรถยนต์ คือส่วนด้านข้างของยางที่อยู่ระหว่างดอกยาง (Tread) กับขอบกระทะล้อ (Rim) ถึงแม้จะดูไม่ได้มีจุดเด่นอะไร แต่แก้มยางมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อสมรรถนะ ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของยางโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ รถกระบะ รถเอสยูวี และรถออฟโรดที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมักจะใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความสมบุกสมบันมากกว่ารถยนต์ทั่วไป

บนแก้มยางรถยนต์มีอะไรบ้าง มาดู 10 รหัสลับที่บอกทุกอย่างเกี่ยวกับยางของคุณ

แก้มยางรถยนต์ หรือที่บางคนสงสัยว่าแก้มยางอยู่ตรงส่วนไหนของยาง แท้จริงแล้วคือส่วนด้านข้างของยางที่อยู่ระหว่างดอกยางกับขอบล้อ เป็นแหล่งที่บอกถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับยางเส้นนั้นๆ ด้วย การทำความเข้าใจข้อมูลบนแก้มยางจะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยและเลือกใช้ยางได้อย่างถูกต้อง และหากเกิดกรณี แก้มยางฉีก หรือเสียหาย คุณจะรู้ทันทีว่าควรทำอย่างไร

1. TYRE BRAND (ยี่ห้อยาง)

ชื่อยี่ห้อหรือผู้ผลิตยางเส้นดังกล่าว ซึ่งมักจะเห็นได้เด่นชัดที่สุดบนแก้มยาง

2. TYRE PATTERN NAME (ชื่อรุ่นดอกยาง)

ชื่อรุ่นหรือชื่อเฉพาะที่ผู้ผลิตกำหนดให้กับยางนั้นๆ มักจะอยู่ถัดจากชื่อผู้ผลิตบนแก้มยาง

3. TYRE TYPE (ประเภทของยาง)

ตัวอักษรที่ระบุประเภทของรถที่ยางนั้นเหมาะสม

  • P: สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Passenger) ในหน่วยเมตริก 

  • LT: สำหรับรถบรรทุกขนาดเล็ก (Light Truck) 

  • C : สำหรับเพื่อการพาณิชย์ (Commercial) 

  • T: สำหรับยางอะไหล่ชั่วคราว (Temporary) 

  • หากไม่มีตัวอักษร แสดงว่าเป็นยางขนาดแบบ "ยูโรเมตริก"

4. TYRE SIZE (ขนาดยาง)

ชุดตัวเลขและตัวอักษรที่อยู่บนแก้มยางจะอธิบายรายละเอียดของยางอย่างครบถ้วน ซึ่งประกอบไปด้วย

  • TYRE WIDTH (ความกว้างหน้ายาง): ความกว้างของยางจากแก้มยางถึงแก้มยาง (หน่วยเป็นมิลลิเมตร) เช่น 225 มม. 

  • TYRE ASPECT RATIO (อัตราส่วนแก้มยาง): คือความสัมพันธ์ระหว่างความสูงของแก้มยางกับความกว้างหน้ายาง เช่น 55% หมายความว่าความสูงแก้มยางเท่ากับ 55% ของความกว้าง ยิ่งอัตราส่วนน้อย แก้มยางจะยิ่งเตี้ยลง ส่งผลให้การเข้าโค้งดีขึ้นแต่ต้องแลกกับความนุ่มสบายที่ลดลง 

  • TYRE CONSTRUCTION (โครงสร้างยาง): โครงสร้างภายในของยาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น "R" (Radial) หมายถึงโครงสร้างแบบเรเดียลที่เส้นลวดของชั้นโครงยางเรียงตัวตามแนวรัศมี ตัวอักษรอื่นๆ ได้แก่ D (Diagonal/Bias-Ply) หรือ B (Belted) 

  • WHEEL DIAMETER (เส้นผ่านศูนย์กลางขอบล้อ): ตัวเลขนี้ (หน่วยเป็นนิ้ว) แสดงว่ายางได้รับการออกแบบให้ติดตั้งกับล้อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่าใด เช่น 18 นิ้ว

5. LOAD INDEX (ดัชนีการรับน้ำหนัก)

ตัวเลขที่กำหนดค่าซึ่งสอดคล้องกับความสามารถในการรับน้ำหนักสูงสุดที่ยางได้รับการรับรอง โดยมีช่วงตั้งแต่ 0 ถึง 279 เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกยางที่มีดัชนีรับน้ำหนักไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้สำหรับรถของคุณ

6. SPEED RATING (รหัสความเร็ว)

ตัวอักษรที่แสดงถึงความเร็วสูงสุดที่ปลอดภัยซึ่งยางได้รับการรับรองให้ใช้เดินทางภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด รหัสความเร็วมีตั้งแต่ A (ต่ำสุด) ถึง Y (สูงสุด) ควรเลือกยางที่มีรหัสความเร็วที่เหมาะสมกับการใช้งานและความเร็วสูงสุดของรถ

7. DOT MARKINGS (รหัส DOT)

รหัส (หมายเลขประจำยาง) ที่ขึ้นรูปไว้ที่แก้มยาง แสดงว่ายางนั้นเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์ของกระทรวงคมนาคมสหรัฐอเมริกา (DOT) รหัส DOT จะตามด้วยตัวอักษรและ/หรือตัวเลข 10-12 ตัว ที่ระบุตำแหน่งการผลิต ขนาดยาง และรหัสของผู้ผลิต พร้อมทั้งสัปดาห์และปีที่ผลิตยาง (4 ตัวสุดท้าย เช่น 2024 หมายถึงสัปดาห์ที่ 20 ปี 2024) ข้อมูลนี้สำคัญในการตรวจสอบอายุยาง

8. OVERALL DIAMETER (เส้นผ่านศูนย์กลางโดยรวม)

เส้นผ่านศูนย์กลางทั้งหมดของยางที่ได้รับการเติมลมโดยไม่มีภาระใดๆ

9. OVERALL WIDTH (ความกว้างโดยรวม)

ระยะห่างระหว่างด้านนอกของแก้มยางทั้งสองด้าน ซึ่งรวมถึงตัวอักษรและลวดลายบนแก้มยาง

10. ตัวบ่งชี้การสึกหรอของดอกยาง (Tread Wear Indicators)

หรือที่เรียกว่า "สะพานยาง" เป็นแถบยางแคบๆ พาดอยู่ที่ฐานของร่องยางหลัก โดยมีระยะห่างเท่าๆ กันทั่วทั้งดอกยาง เมื่อดอกยางสึกหรอจนถึงระดับที่สะพานยางปรากฏให้เห็นได้ชัดเจน แสดงว่าดอกยางมีความลึกเหลือเพียงประมาณ 2 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางแล้ว

help panel

ตารางแสดงข้อมูลบนแก้มยางที่ช่วยให้คุณเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

สิ่งที่แสดงอยู่บนแก้มยาง 
ความหมายและสิ่งที่บอกคุณ 
ตัวอย่าง 
แบรนด์และชื่อรุ่นยาง 
บอกถึงผู้ผลิตและชื่อเฉพาะของยางรุ่นนั้นๆ ซึ่งมักจะบ่งบอกถึงคุณสมบัติเด่นหรือกลุ่มการใช้งานของยาง 
MICHELIN Primacy 5, BFGOODRICH ALL-TERRAIN T/A KO3 
ประเภทของยาง 
บอกประเภทการใช้งานของยาง 
P: Passenger (รถยนต์นั่งส่วนบุคคล), LT: Light Truck (รถกระบะ, รถตู้เพื่อการพาณิชย์) 
ความกว้างหน้ายาง 
ความกว้างของหน้ายางที่สัมผัสพื้นถนน มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร ยิ่งตัวเลขมาก ยางจะยิ่งกว้าง 
205/55 R16 (หมายถึงยางกว้าง 205 มม.) 
อัตราส่วนแก้มยาง 
อัตราส่วนความสูงของแก้มยางต่อความกว้างหน้ายาง มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ ยิ่งตัวเลขมาก แก้มยางจะยิ่งสูง 
205/55 R16 (หมายถึงแก้มยางสูง 55% ของความกว้างหน้ายาง) 
โครงสร้างยาง 
บอกถึงโครงสร้างภายในของยาง 
R: Radial (เรเดียล) ซึ่งเป็นแบบที่นิยมที่สุด, B: Bias (ผ้าใบไขว้), D: Diagonal (ผ้าใบแนวทแยง) 
เส้นผ่านศูนย์กลางกระทะล้อ 
ขนาดของกระทะล้อที่ยางเส้นนี้สามารถติดตั้งได้ มีหน่วยเป็นนิ้ว 
205/55 R16 (หมายถึงใช้กับกระทะล้อขนาด 16 นิ้ว) 
ดัชนีรับน้ำหนัก 
ตัวเลขที่บ่งบอกถึงขีดความสามารถสูงสุดในการรับน้ำหนักของยางแต่ละเส้นที่แรงดันลมยางที่กำหนด 
91V (91 หมายถึงยาง 1 เส้นรับน้ำหนักได้สูงสุด 615 กก. ดูตารางเทียบค่าที่นี่) 
ดัชนีความเร็ว 
ตัวอักษรที่บ่งบอกถึงความเร็วสูงสุดที่ยางเส้นนั้นสามารถรองรับได้อย่างปลอดภัย 
91V (V หมายถึงยางรองรับความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. 
มาตรฐาน UTQG 
มาตรฐานที่กำหนดโดยหน่วยงานในสหรัฐอเมริกา (บางประเทศอาจไม่มี) แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ Treadwear: ค่าความทนทานต่อการสึกหรอ (ยิ่งสูงยิ่งทน) Traction: ค่าการยึดเกาะถนนบนพื้นเปียก (AA > A > B > C) Temperature: ค่าความทนทานต่อความร้อน (A > B > C) 
TREADWEAR 400 TRACTION A TEMPERATURE B 
DOT code 
เลข 4 หลักสุดท้ายในรหัส DOT (Department of Transportation) ที่บอกสัปดาห์และปีที่ผลิตยาง 
1825 (หมายถึงผลิตสัปดาห์ที่ 18 ของปี 2025) 
off-road centre

แก้มยางรถฉีก ปริ แตก หรือชำรุด ต้องเปลี่ยนเลยไหม หรือยังใช้ต่อได้

ปัญหาแก้มยางฉีก ปริ แตกลายงา หรือชำรุดถือเป็นเรื่องที่เจ้าของรถทุกคนต้องให้ความสำคัญ เพราะแก้มยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สามารถรองรับแรงกระแทกและแรงบิดตัวได้มาก แต่หากเกิดความเสียหายขึ้นมา ก็จะส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าเมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ ควรเปลี่ยนยางทันทีเลยหรือไม่ หรือยังสามารถใช้งานต่อไปได้อีกสักระยะหนึ่ง

สาเหตุหลักที่ทำให้แก้มยางชำรุด

ความเสียหายของแก้มยางมักเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • แรงกระแทกจากภายนอก: การขับรถตกหลุมอย่างรุนแรง การปีนฟุตบาท หรือการเบียดกับขอบถนนอย่างแรง สามารถทำให้โครงสร้างภายในของแก้มยางเสียหาย เกิดเป็นรอยปริ รอยฉีก หรือยางบวมได้

  • แรงดันลมยางไม่เหมาะสม: การเติมลมยางอ่อนเกินไป ทำให้แก้มยางบิดตัวมากเกินปกติขณะวิ่ง ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมและการสึกหรอผิดปกติ หรือการเติมลมยางแข็งเกินไป ทำให้ยางมีความยืดหยุ่นน้อยลงและเปราะบางต่อแรงกระแทก

  • อายุการใช้งานของยาง: เมื่อยางมีอายุมากขึ้น เนื้อยางจะเริ่มเสื่อมสภาพ แข็งตัว และเกิดรอยแตกลายงาตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายางกำลังจะหมดอายุการใช้งาน

  • การบรรทุกน้ำหนักเกิน: การบรรทุกสัมภาระหรือผู้โดยสารเกินพิกัดที่ยางกำหนด ทำให้ยางต้องรับน้ำหนักมากเกินไป ส่งผลให้โครงสร้างแก้มยางรับภาระหนักและอาจเสียหายได้

  • การขับขี่ที่ผิดวิธี: การออกตัวกระชาก การเบรกกะทันหันบ่อยครั้ง หรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง สามารถเพิ่มแรงกดและแรงเค้นต่อแก้มยาง ทำให้เกิดความเสียหายสะสมได้

แก้มยางชำรุดขนาดไหนถึงต้องเปลี่ยนยางทันที?

หากพบว่าแก้มยางฉีก ปริ แตก หรือมีร่องรอยชำรุด เจ้าของรถควรประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ แต่โดยทั่วไปแล้ว ความเสียหายบางประเภทจำเป็นต้องเปลี่ยนยางใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัยสูงสุดขณะขับขี่

  • ยางบวม: นี่คือสัญญาณอันตรายที่สุด หากสังเกตเห็นว่าแก้มยางมีลักษณะโป่งพองนูนออกมาเหมือนลูกโป่ง ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม แสดงว่าโครงสร้างเส้นใยภายในของยางได้ขาดออกจากกันแล้ว ยางเส้นนั้นไม่สามารถทนทานต่อแรงดันลมภายในได้อีกต่อไป มีความเสี่ยงสูงที่จะระเบิดได้ตลอดเวลา ห้ามนำไปใช้งานต่อเด็ดขาด ดังนั้นต้องเปลี่ยนยางใหม่ทันที

  • รอยฉีกขาด หรือบาดลึกถึงโครงสร้างยาง: หากรอยฉีกหรือรอยบาดลึกกินเข้าไปถึงชั้นโครงสร้างผ้าใบ หรือเห็นเส้นลวดด้านในยาง แก้มยางฉีก ในลักษณะนี้หมายถึงความแข็งแรงของยางได้ลดลงอย่างมาก ไม่สามารถซ่อมแซมได้และเป็นอันตรายอย่างยิ่ง คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนยางใหม่ทันที 

  • รอยร้าวหรือแตกลายงาอย่างรุนแรง: แม้รอยแตกลายงาเล็กน้อยตามอายุยางอาจยังพอใช้งานได้ในระยะสั้น แต่หากรอยแตกลายงาปรากฏทั่วทั้งแก้มยาง มีความลึกชัดเจน และเริ่มเห็นชั้นผ้าใบด้านใน นั่นบ่งบอกว่าเนื้อยางเสื่อมสภาพอย่างรุนแรงและอาจไม่สามารถทนทานต่อแรงดันได้อีกต่อไป คุณจึงควรรีบเปลี่ยนยางโดยเร็วที่สุด 

ค้นหายาง BFGoodrich ที่ดีที่สุด
กำลังค้นหายาง
กำลังค้นหายาง

เลือกใช้ยาง BFGOODRICH ที่มีโครงสร้างแก้มยางแข็งแกร่ง พร้อมรองรับทุกรูปแบบการใช้งาน

โครงสร้างแก้มยางที่แข็งแกร่ง เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ยาง BFGOODRICH สามารถรับมือกับแรงกระแทก การเสียดสี และการใช้งานหนักได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าคุณจะเป็นนักขับรถ 4x4 สายลุยทางออฟโรด สายเดินทาง หรือใช้งานในชีวิตประจำวัน BFGOODRICH ก็มียางที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะสามรุ่นยอดนิยมอย่าง BFGOODRICH ALL-TERRAIN T/A  KO3, BFGOODRICH MUD-TERRAIN T/A KM3 และ BFGOODRICH TRAIL-TERRAIN T/A

BFGOODRICH ALL-TERRAIN T/A KO3: ที่สุดของยาง All-Terrain

BFGOODRICH ALL-TERRAIN T/A KO3 คือที่สุดของยาง All-Terrain ในตำนานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานทั้งบนถนนปกติและเส้นทางออฟโรดเป็นประจำ

  • โครงสร้างแก้มยางที่แข็งแกร่งกว่าเดิม: BFGOODRICH ALL-TERRAIN T/A KO3 ได้รับการออกแบบให้มีแก้มยางที่ทนทานต่อการฉีกขาดและการบาดตำจากการกระแทกกับหินหรือกิ่งไม้ในเส้นทางออฟโรดได้ดียิ่งขึ้น มอบความมั่นใจในการลุยให้ผู้ขับขี่เต็มที่ 

  • สมรรถนะการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม: ไม่ว่าจะเป็นถนนแห้ง ถนนเปียก หรือเส้นทางหิน KO3 ก็ให้การยึดเกาะที่เชื่อถือได้ พร้อมดอกยางที่ออกแบบมาเพื่อการตะกุยโคลนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

  • อายุการใช้งานที่ยาวนาน: ด้วยการพัฒนาเนื้อยางและโครงสร้าง ทำให้ยาง A/T อย่าง KO3 มีความทนทานต่อการสึกหรอสูง ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่าในระยะยาว

BFGOODRICH MUD-TERRAIN T/A KM3: ยางพันธุ์แกร่ง เพื่อการลุยโคลนโดยเฉพาะ

สำหรับสายออฟโรดตัวจริงที่ชื่นชอบการผจญภัยในเส้นทางสุดหฤโหด BFGOODRICH MUD-TERRAIN T/A KM3 คือตัวเลือกที่ไม่ทำให้คุณผิดหวัง เพราะยางรุ่นนี้ถูกสร้างมาเพื่อการลุยโคลนและทางสุดโหดโดยเฉพาะ

  • แก้มยางแกร่งเป็นพิเศษ: BFGOODRICH MUD-TERRAIN T/A KM3 มาพร้อมเทคโนโลยี CoreGard Max Technology ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแก้มยาง ซึ่งทนทานต่อการเจาะทะลุและการฉีกขาดในสภาพเส้นทางที่หฤโหดที่สุด

  • การยึดเกาะในโคลนที่เหนือชั้น: ดอกยางขนาดใหญ่และร่องยางที่ลึกช่วยในการตะกุยโคลน หิน และทรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รถของคุณยังคงเคลื่อนที่ต่อไปได้แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

  • สมรรถนะการปีนป่ายที่ดีเยี่ยม: ด้วยการออกแบบที่เน้นแรงฉุดลาก ทำให้ KM3 เหมาะสำหรับการปีนป่ายอุปสรรคต่างๆ บนเส้นทางออฟโรดได้อย่างมั่นใจ

BFGOODRICH TRAIL-TERRAIN T/A: ยางสำหรับรถ SUV และกระบะ

BFGOODRICH TRAIL-TERRAIN T/A เป็นยางที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ใช้งานรถ SUV และรถกระบะในชีวิตประจำวันเป็นหลัก แต่ก็ต้องการความพร้อมสำหรับการขับขี่บนเส้นทางที่ไม่ใช่ถนนลาดยางบ้างเป็นบางครั้งบางคราว

  • แก้มยางที่แข็งแกร่งพอสำหรับการผจญภัย: แม้จะเน้นการใช้งานบนถนน แต่ยาง BFGOODRICH TRAIL-TERRAIN T/A ก็ยังมีแก้มยางที่ทนทานต่อการบาดตำจากเส้นทางขรุขระเล็กน้อยได้ดีกว่ายางทั่วไป ให้ความอุ่นใจเมื่อต้องออกนอกเส้นทางที่ไม่ได้วางแผนไว้

  • ความนุ่มนวลและความเงียบ: ยาง BFGOODRICH TRAIL-TERRAIN T/A ได้รับการออกแบบให้มีเสียงรบกวนต่ำและให้ความนุ่มนวลในการขับขี่บนถนนลาดยาง ทำให้การเดินทางในชีวิตประจำวันสะดวกสบายยิ่งขึ้น

  • สมรรถนะการยึดเกาะที่ดีในทุกฤดู: ด้วยการออกแบบดอกยางแบบ All-Season ทำให้ยางรุ่นนี้ให้การยึดเกาะที่ดีในสภาพอากาศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนแห้งหรือถนนเปียก

ยาง BFGOODRICH ที่เหมาะกับรถกระบะและเอสยูวีของคุณ

ลุยทุกเส้นทางได้ยังมั่นใจไปกับยาง A/T, ยาง M/T และยางรถกระบะสายลุยของ BFGOODRICH ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและความทนทานสูง
  • BFGoodrich ALL-TERRAIN T/A KO3

    ยางสำหรับฤดูร้อน
    ยางออลเทอร์เรนที่แกร่งที่สุด เท่าที่บีเอฟกู๊ดริชเคยทำมา
  • BFGoodrich MUD-TERRAIN T/A KM3

    ยางสำหรับฤดูร้อน
    KM3 คือยางมัดเทอร์เรนที่ลุยโคลน ปีนหิน และวิ่งทางออฟโรดได้ดีที่สุด
  • BFGoodrich TRAIL-TERRAIN T/A

    ยางสำหรับฤดูร้อน
    BFGoodrich Trail-Terrain T/A คือยางที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ทุกเส้นทาง