ทำไมยางรถยนต์ที่ใช้อยู่ถึงเสื่อมสภาพหรือสึกหรอเร็วกว่าปกติ
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่ทำให้ยางสึกหรอหรือเสื่อมสภาพนั้นมาจากหลายปัจจัย รวมถึงอายุการใช้งานของยางก็ยังแปรผันตามสิ่งต่างๆ ได้แก่ พฤติกรรมและสไตล์การขับขี่ สภาพเส้นทางที่ขับขี่เป็นประจำ ประเภทของรถ ประเภทของยาง การดูแลรักษารถ การดูแลรักษายาง ฯลฯ เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์อายุการใช้งานของยางแต่ละเส้นได้อย่างแม่นยำ
เพื่อเป็นการปกป้องคุณจากปัญหาชวนปวดหัวจากยางที่เสื่อมสภาพหรือสึกหรอแบบผิดปกติ BFGoodrich จึงรับประกันความเสียหายอันเกิดจากความชำรุดบกพร่องในกระบวนการผลิตหรือวัสดุส่วนประกอบนาน 6 ปีนับจากวันที่ซื้อ* หรือ รับประกันตลอดอายุ การใช้งานของดอกยาง** โดยถือเอากรณีที่มาถึงก่อน
* กรณียางที่ซื้อหลัง 3 ปี นับจากวันเดือนปีที่ผลิต จะอยู่ภายใต้การรับประกัน 6 ปี นับจากวันเดือนปีที่ผลิต
**อายุการใช้งานของดอกยางจะพิจารณาจากความลึกดอกยางเริ่มต้นจนกระทั่งยางสึกถึงจุดวัดความลึกของดอกยางซึ่งอยู่ในร่องของดอกยาง โดยมีความสูงประมาณ 1.6 มม. สำหรับยางรถยนต์ ถ้าดอกยางสึกไปจนถึงจุดวัดความลึกของดอกยางแล้ว ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายได้
คุณสามารถศึกษารายละเอียดการรับประกันเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bfgoodrich.co.th/warranty
นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้คุณตรวจสอบยางรถยนต์ ที่ร้านตัวแทนจำหน่าย BFGoodrich เพื่อตรวจสอบว่ายางที่ใช้อยู่มีปัญหาทางเทคนิค หรือการบำรุงรักษาที่ไม่ถูกต้องจนทำให้ยางสึกหรอหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติหรือไม่

ยางที่เสื่อมสภาพผิดปกติมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
หากใครก้มลงไปดูที่ยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นยาง A/T ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานใช้งานได้ดีทั้งถนนปกติและทางออฟโรด หรือยาง H/T ที่โดดเด่นเรื่องการขับขี่บนทางหลวงทั้งทางเปียกและทางแห้ง แล้วพบว่าดอกยางหรือหน้ายางมีการสึกหรอที่ผิดไปจากเดิม เช่น เริ่มสึกหรอที่ด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ ไปจนถึงการเสื่อมสภาพของดอกยางในลักษณะแปลกๆ อย่างนี้ล้วนมาจากสาเหตุที่แตกต่างกันไป และเราจะอธิบายให้คุณรู้
ยางที่เสื่อมสภาพเฉพาะตรงกลาง หรือด้านข้างสึกเร็วกว่าตรงกลางยาง
ลมยางคือต้นตอสำคัญของปัญหายางสึกหรอมากกว่าปกติที่ตรงกลาง หรือบริเวณไหล่ยางเร็วกว่าปกติ มาดูกันว่าการเติมแรงดันลมยางที่มากหรือน้อยเกินไปส่งผลให้ยางเสื่อมสภาพหรือสึกหรอไม่เท่ากันได้อย่างไร
- ยางสึกหรอเฉพาะตรงกลาง = เติมลมยางมากเกินไป
- ยางสึกหรอเฉพาะด้านข้าง = เติมลมยางน้อยเกินไป
ยางเสื่อมสภาพด้านเดียว เหมือนฟันเลื่อย คล้ายกับขนนก และสึกเป็นบั้ง
สำหรับยางรถยนต์ของใครที่มีลักษณะการสึกหรอที่นอกเหนือจากการที่เฉพาะตรงกลางหรือด้านข้างทั้งสอง แบบนี้หมายความว่าระบบช่วงล่างรถของคุณเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางของคุณเสื่อมสภาพและสึกหรอผิดไปจากปกติ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ยางสึกหรอด้านเดียว = มุมแคมเบอร์บวกหรือลบเกินไป
- ยางสึกหรอแบบฟันเลื่อย = มุมโทบวกหรือลบเกินไป
- ยางสึกหรอแบบขนนก = มุมโท มุมแคสเตอร์ที่ผิดปกติ
- ยางสึกหรอเป็นบั้ง = โช้คอัพเสีย ลูกหมากพัง ล้อไม่สมดุล ฯลฯ

วิธีป้องกันไม่ให้ยางเสื่อมภาพหรือสึกหรอก่อนเวลาอันควร
เมื่อไหล่ของดอกยางที่ด้านใดด้านหนึ่งของยางสึกหรอเร็วกว่าพื้นผิวหน้ายางที่อยู่ติดกัน อาจเป็นผลมาจากสาเหตุที่หลากหลาย เช่น ศูนย์ล้อหน้าและ/หรือหลังไม่ถูกต้อง (ตัวอย่างเช่น มุมโท หรือมุมแคมเบอร์) ชิ้นส่วนช่วงล่างหลวมหรือสึกหรอ การเข้าโค้งหนัก การสลับยางที่ไม่เหมาะสม การใช้งานผิดประเภท ถนนมีความเอียงสูง หรือการติดตั้งที่ไม่สม่ำเสมอ
หมั่นตรวจสอบลมยางเป็นประจำ
วิธีป้องกันยากสึกหรอไม่สม่ำเสมอที่มีสาเหตุมาจากการเติมลมยางที่เหมาะสม สามารถป้องกันได้ด้วยการเติมลมยางให้อยู่ในค่าที่เหมาะสม โดยคุณสามารถดูได้จากป้ายที่อยู่บริเวณข้างประตูคนขับ หรือที่คู่มือประจำรถยนต์ และควรตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำทุกเดือน แม้คุณจะไม่ค่อยใช้รถยนต์คันนั้นเป็นประจำก็ตามสลับยางและเช็กระบบช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอ
หลายคนอาจลืมนำรถเข้าไปสลับยางรถยนต์ทุก 10,000 กิโลเมตร โดยเฉพาะรถคันที่ไม่ค่อยได้ใช้งานและเน้นจอดมากกว่าขับ ดังนั้นคุณควรนำรถเข้าไปสลับยางรวมถึงตรวจเช็กระบบช่วงล่าง หากมีอาการผิดปกติ เช่น โช้คอัพแข็งหรือนุ่มกว่าปกติ เลี้ยวแล้วมีเสียงดัง พวงมาลัยมีอาการเบี่ยงซ้ายขวาไม่นิ่งขณะขับขี่ หรือเสียงดังจากช่วงล่างและยาง โดยควรนำรถเข้าไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการที่เชี่ยวชาญด้านยางและช่วงล่างรถยนต์อย่างเร็วที่สุด
หากคุณต้องการรักษาและยืดอายุของยางให้สามารถใช้งานได้ดีในระยะยาว ก็สามารถขับรถไปตรวจสอบกับศูนย์บริการยางและระบบช่วงล่างที่มีความ้เชี่ยวชาญ หรือสอบถามร้านค้าตัวแทนจำหน่ายยาง BFGoodrich ได้ที่ https://www.bfgoodrich.co.th/auto/dealer-locator ในส่วนการรับประกันนั้นสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ HOTLINE 02-700-3996 หรือทางเว็บไซต์ BFGoodrich


